บันทึกอนุทินครั้งที่ 11
วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ตฤณ แจ่มถิน
วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558
กลุ่มเรียน 105 ( วันอังคาร ) เวลา 08.30 – 12.20 น.
โปรแกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล
(Individualized Education Program)
แผน IEP
-
แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
-
เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน
และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา
-
ด้วยการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
-
โดยระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก
* ใช้ 2 เทอม เขียนเสร็จแล้วต้องมีการประชุมผู้ปกครอง ครูที่จะเขียนแผนจะต้องรู้เด็กคนนั้นอย่างละเอียด
การเขียนแผน IEP
-
คัดแยกเด็กพิเศษ
-
ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
-
ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ
จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
-
เด็กสามารถทำอะไรได้ / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้
-
แล้วจึงเริ่มเขียนแผน
IEP
IEP ประกอบด้วย
-
ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
-
ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
-
การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
-
เป้าหมายระยะยาวประจำปี
/ ระยะสั้น
-
ระบุวัน เดือน
ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
-
วิธีการประเมินผล
ประโยชน์ต่อเด็ก
-
ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
-
ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
-
ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
-
ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ
ประโยชน์ต่อครู
-
เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
-
เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
-
ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
-
เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
-
ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ
ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
-
ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล
เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
-
ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
-
เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก
มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน
ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
-
รายงานทางการแพทย์
-
รายงานการประเมินด้านต่างๆ
-
บันทึกจากผู้ปกครอง
ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง
2. การจัดทำแผน
-
ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง พ่อแม่ ครูพิเศษ ผู้อำนวยการ ครูสอนเสริม
กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
-
กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
-
จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดจุดมุ่งหมาย
-
ระยะยาว
-
ระยะสั้น
จุดมุ่งหมายระยะยาว
-
กำหนดให้ชัดเจน
แม้จะกว้าง
•
น้องนุ่นช่วยเหลือตนเองได้
•
น้องดาวร่วมมือกับผู้อื่นได้ดีขึ้น
•
น้องริวเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆได้
จุดมุ่งหมายระยะสั้น
-
ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
-
เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ
2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
1.
จะสอนใคร
2.
พฤติกรรมอะไร
3.
เมื่อไหร่
ที่ไหน (ที่พฤติกรรมนั้นจะเกิด)
4.
พฤติกรรมนั้นต้องดีขนาดไหน
-
ใคร อรุณ
-
อะไร กระโดดขาเดียวได้
-
เมื่อไหร่ / ที่ไหน กิจกรรมกลางแจ้ง
-
ดีขนาดไหน กระโดดได้ขาละ 5 ครั้งในเวลา 30 วินาที
-
ใคร ธนภรณ์
-
อะไร นั่งเงียบๆโดยไม่พูดคุย
-
เมื่อไหร่ / ที่ไหน ระหว่างครูเล่านิทาน
-
ดีขนาดไหน ช่วงเวลาการเล่านิทาน 10 - 15 นาที
เป็นเวลา
5 วันติดต่อกัน
3. การใช้แผน
-
เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์
ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
-
นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
-
แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
-
จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
-
ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ
โดยคำนึงถึง
-
ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
-
ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
-
อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4. การประเมินผล
-
โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง
หรือย่อยกว่านั้น
-
ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน
และเกณฑ์วัดผล
** การประเมินในแต่ละทักษะหรือแต่ละกิจกรรมอาจใช้วิธีวัดและกำหนดเกณฑ์แตกต่างกัน**
การจัดทำ IEP
การนำไปใช้
-สามารถออกแบบการสอนเด็กได้ตรงตามวัตถุประสงค์ที่จะส่งเสริม
-ในการเขียนแผน IEP ผู้ที่เขียนหรือออกแบบ จะต้องรู้จักเด็กอย่างละเอียดและรู้จักเด็กดีที่สุดถึงจะเขียนแผนได้
-นำความรู้ที่ได้ในการเขียนแผน หรือเทคนิคต่างๆไปใช้ในการเขียนแผนให้กับเด็กพิเศษได้อย่างถูกต้อง
-การเขียนแผนจะต้อง ปรึกษา หรือมีการประชุมก่อนที่จะนำแผนนั้นมาใช้กับเด็กได้
การประเมิน
ตนเอง ตั้งใจเรียนมีการจดบันทึกและนำความรู้ที่ได้ ในเรื่องของการเขียนแผน IEP นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด และจะนำเทคนิคต่างๆนี้ไปใช้กับเด็กให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
เพื่อน ตั้งใจเรียน มีการจดบันทึก และเข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายสุภาพเรียบร้อย
อาจารย์ มีการสอนและอธิบายส่วนของเนื้อหาได้อย่างชัดเจน และมีกิจกรรมมาให้ได้ทำอยู่เสมอเพื่อนให้เด็กได้ตื่นตัวก่อนที่จะเรียนในส่วนของเนื้อหา